เราได้สังเกตเทคนิคที่เขาใช้ในการสื่อสารกับผู้เข้าชมได้โดยใช้เครื่องมือ "AEIOU method" มาช่วยได้ดังนี้
"พิพิธภัณฑ์เด็กจตุจักร"
จะแบ่งออกเป็นสามส่วนใหญ่ๆ คือ อาคารทอตะวัน เป็นส่วนของเด็กโต อาคารสายรุ้ง เป็นส่วนของเด็กเล็ก และมีลากกิจกรรมกลางแจ้ง ทั้งหมดจัดในแนวการเรียนรู้แบบ "Learning by doing" เน้นให้เด็กมีส่วนร่วมและลงมือทำกิจกรรม
รูปด้านบน แสดงตัวอย่างส่วนที่เป็นของอาคารทอตะวัน ส่วนนี้จัดแสดงเกี่ยวกับความรู้ด้านวิทยาศาสตร์
Activities : มีกิจกรรม และอุปกรณ์หลายอย่างให้เด็กได้ทดลองเล่น เช่น ท่อเสียง ให้ความรู้เรื่องฉลาม มีกิจกรรมปั่นจักรยานเพื่อให้เกิดเสียงเพลง ภาพลวงตาจากกระจก ไดโนเสาร์ เป็นต้น
Environments : จัดแสดงอยู่ภายในอาคาร เน้นสีสันของอุปกรณ์ เน้นเรื่องการให้เด็กลงมือปฏิบัติ
Interactions : เด็กจะใช้อุปกรณ์เป็นสื่อกลางในการเรียนรู้ และมีวิทยากรคอยให้คำแนะนำ หรือบอกเล่าเกี่ยวกับทฤษฎีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุปกณ์ หรือเรื่องนั้นๆ มีการใช้หุ่นจำลองเสมือนจริงแสดงไดโนเสาร์ มีเสียงประกอบเมื่อกดปุ่ม
Objects : อุปกรณ์ สิ่งประดิษฐ์ที่เสริมสร้างการเรียนรู้
Users : เด็กอายุประมาณ 7-12 ปี
รูปด้านบน แสดงตัวอย่างส่วนที่เป็นลานกลางแจ้ง
Activities : ให้สมมติตัวเองเป็นนักสำรวจซากไดโนเสาร์ ให้เด็กๆ ได้ลองขุด ลองหาซากไดโนเสาร์จำลอง
Environments : จัดแสดงอยู่ภายนอกอาคาร ใช้ทราย และซากไดโนเสาร์จำลอง เป็นพื้นที่ทำงาน
Interactions : เด็กๆ จะได้ลองขุดซากไดโนเสาร์จำลองที่ฝังอยู่ใต้ทรายด้วยตัวเอง
Objects : อุปกรณ์ขุดเช่น เสียมพลาสติก แปรงปัด กระป๋อง
Users : เด็กอายุประมาณ 7-12 ปี
นอกจากนี้ยังมีส่วนจัดแสดงอาคารสายรุ้ง ที่เป็นส่วนเด็กเล็ก จะมีส่วนให้บริการที่แตกต่างออกไปคือ
Activities : เน้นพัฒนาประสาทสัมผัสทั้งห้า คือ ตา หู จมูก ลิ้มรส และสัมผัส, จำลองเครื่องบินให้เด็กเพื่อเสริมสร้างจินตนาการ มีให้สมมติตัวเองเป็นผู้ประกาศข่าว เป็นต้น
Objects : อุปกรณ์ขุดเช่น เสียมพลาสติก แปรงปัด กระป๋อง
Environments : จัดแสดงอยู่ภายในอาคารสายรุ้ง ห้องแอร์เย็น พื้นนุ่มเพื่อกันกระแทก มีส่วนให้บริการของคุณแม่ไว้ให้นมลูกด้วย
Interactions : มีเซ็นเซอร์คอยจับ ถ้ามีวัตถุ หรือเด็กเข้ามาในระยะ จะมีเสียงกบร้องออกมา, มีกล้องถ่ายทอดสดถ้าเป็นส่วนของผู้ประกาศข่าว
Users : เด็กเล็ก 0-6 ปี
*ไม่มีภาพค่ะ
*ไม่มีภาพค่ะ









เยี่ยมจ้ะ ขอบใจมาก
ตอบลบ